คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวเกี่ยวกับไอที

Apple x Google รวมพลังอัพเดทระบบปฏิบัติการ ต้านCOVID19

เตรียมตัวอัพเดทระบบปฏิบัติการทั้ง iPhone และ Android 2 ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Apple มาจับมือกัน โดยมาต่อกลอนกันกับเชื้อโควิด 19 

มันจะไม่ใช่แค่ Application แล้วนะคะ แต่ว่ามันจะมาในระบบของการปฏิบัติการ เมื่อ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Apple และ Google ได้มีการจับมือร่วมกันทำระบบเดียวกันในการติดตามและยับยั้งในการระบาดของเชื้อโควิด 19 อย่างเป็นระบบเลยคะซึ่งระบบนี้เขาเรียกกันว่า Contact Tracing ไม่เป็นระบบในการตามดูตามรู้ระบุตัวตนของผู้ที่ติดเชื้อ เพราะถ้าหากรู้ว่าใครที่มีการติดเชื้อก็จะไปดูคนที่เคยอยู่ใกล้กับคนที่เคยสัมผัสเชื้อโดยมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อยังไงล่ะ

โดยระบบนี้จะใช้เทคโนโลยีของบีคอนหรือBluetooth low Energyเพื่อทำการเก็บข้อมูลและยังเป็นการเก็บข้อมูลแบบอัตโนมัติอีกด้วยนะคะเพื่อเป็นการนำมาวิเคราะห์ว่าใครที่มีความเสี่ยงในการใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อการแจ้งเตือนมันก็จะไม่เสียเพื่อนอีกด้วยค่ะเพราะว่าการแจ้งเตือนนี้เนี่ยนะคะเขาว่ากันว่ามันจะแจ้งเตือนเฉพาะคุณได้เข้าใกล้กลุ่มเสี่ยงหรือผู้ติดเชื้อมาเลยไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าที่ไหนหรือว่าคนชื่ออะไรที่เราไปติดมาแต่ก็อาจจะเสี่ยงกลับแค่นี้ของเราว่าบางทีเราอาจจะไปต้องการอยากรู้ว่าเราไปติดใครมาไปติดที่ไหนและไปติดเมื่อไหร่งั้นเราจึงต้องควบคุมตัวเองนิดนึงค่ะ

แน่นอนว่าผู้ชายมือถือมีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมโครงการนี้ก็ได้ แต่แบบว่ามันจะถูกฝังอยู่ในระบบปฏิบัติการนะคะ ยังไงมันก็มาคะ คำถามตอนนี้ก็คืออยู่บ้านก็กักตัวอยู่แล้วทราบว่าจะออกไปสัมผัสใคร ยังไง เรามีคำตอบให้ค่ะ

ตัวอย่างในการทำงานของระบบสมมุติว่าเจนและนุ่นไม่รู้จักกันแต่บังเอิญทั้งสองมานั่งคุยกันประมาณ 10 นาทีระหว่างนั้นในมือถือของทั้งคู่จะทำการแลกกุญแจกับข้อมูลที่เป็น privacy-preserving Anonimous Ldentifier beacons เป็นการผ่าน Bluetooth

ซึ่งต่อมานู่นได้ทำการไปตรวจ โดยมีการติดเชื้อโควิด 19 จึงทำการกรอกข้อมูลลงไปในแอปที่เป็นหน่วยงานของสาธารณสุขหน่อย เมื่อนั้นให้การยินยอมสมาร์ตโฟนก็จะทำการ ส่งข้อมูลกุญแจที่เก็บมาตลอด 14 วัน ที่เป็นการย้อนหลังส่งไปยัง Server beacons สักหน่อยส่วนทางมือถือของเจนเองก็จะทำการเช็ค ข้อมูลกับ Server ของbeacons เป็นระยะระยะ ในกรณีที่โหลดเจอข้อมูลของกุญแจ ที่เป็นผลบวกตรงกัน

ก็จะได้รับการแจ้งเตือนว่า เจ๊น้ำเคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อ แต่ข้อมูลนี้ก็ไม่ได้บอกนะคะว่าติดมาจากใคร และก็ไม่ได้บอกว่าติดมาจากนู่นอีกด้วย ฉันยังไม่ได้บอกนะว่าติดมาจากที่ไหน ซึ่งเจนั้นก็จะได้รับการแจ้งเตือน แล้วจะได้รับคำแนะนำว่าจะต้องทำอย่างไร ต่อชีวิตต่อไปของเจน

คุณเหมาะกับอะไรระหว่าง iPad หรือ Macbook Air

ปีนี้ Apple ได้เปิดตัวอุปกรณ์แบบใหม่ 2 รุ่นด้วยกันนะคะ โดยเป็นการเปิดตัวผ่านหน้าจอเพราะไม่มีใครสามารถที่จะเดินทางไปร่วมงานได้ในขณะนี้ ซึ่งนั่นก็คือ MacBook Air และก็ IPad Pro ปี 2020 แต่ในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ต้องขอบอกว่า ถ้าคุณจะตัดสินใจในการเลือก อะไรสักอย่างจะต้องคิดให้ดีมากๆงั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละอย่างมีอะไรบ้าง

สเปคที่ชื่นชอบ

ถ้าคุณเป็นคนเอาทุกอย่างแน่นอนแหละว่ามันก็จะต้องจ่ายเยอะหน่อย เพราะของที่ทำได้ทุกอย่างมันก็จะแพง เพราะรวมอัดมันทุกอย่างจริงๆ เหมือนกับ iPad Pro 2020 ที่ต้องบอกเลยว่ามันข้ามขีดจำกัดหลายๆอย่างแม้กระทั่งที่จะฆ่าอุปกรณ์ในตลาดวินโด้ หันมองกลับมาก็เป็นการฆ่าเพื่อนด้วยกันเองอย่างเช่น MacBook Air ก็ดูเหมือนว่าสเปคจะเทียบไม่ได้ เพราะอุปกรณ์เสริมก็ไม่มีซิมก็ใส่ไม่ได้ นึกออกไหมต้องขอบอกว่า สเปคที่แสนเหนือชั้นยังมีอุปกรณ์เสริมเร้าใจอย่าง New Magic Keyboard ที่จะตามมาขายใน เดือนพฤษภาคมนี้โดยมันเป็นคีย์บอร์ดที่ มีฟังก์ชันจาก macbook pro เรียกได้ว่ามาทั้งแถบ อย่างเช่นลากนิ้วแทนเมาส์แบบชิวๆ ช่องเสียบ USB เข้าออฟฟิศเพิ่มไว้อีกรูเพื่อเป็นการต่อCard Reader แล้วก็ยังเป็นการรองรับ Apple sparkling White เพื่อเป็นการเขียนเส้นและก็ ยังสามารถวาดได้หลากหลายน้ำหนักอีก

ราคาที่ใช้

สำหรับผู้ปกครองบางคนนั้นจะถามว่าซื้ออะไรให้ลูกดีมาดูกันที่งบดีกว่าคะ ถ้ามีงบ 1หมื่น-3หมื่นบาทก็เริ่มที่จะพอซื้ออะไรให้ได้อย่างเช่น IPad Air ที่เริ่มจากหมื่นต้นๆอะไรแบบนี้แต่ขอบอกได้เลยว่าต้องมาเลือกดูกันที่ขนาดที่เด็กกำลังเรียนอยู่ด้วยคือส่วนใหญ่เด็กๆเขาก็อยากได้ IPad เพราะว่าApplication เยอะและก็Application เกม ก็เยอะอีกด้วยแต่พ่อแม่บางคนเห็นก็บอกว่าไม่เอาไม่อยากซื้อIPad ก็เพราะว่าเดียวเด็กบางคนเอาไว้เล่นเกมกลัวก็เลยเลือกMacBook Air แบบนี้ละกันแบบว่านั่งพิมพ์ๆดูจริงจังดี

ก็ต้องขอยอมรับว่าไม่ได้ทำงานพวกวาดๆเขียนๆอะไรมากมายเนี่ยบางทีก็อาจจะชอบไปในทางทำงานเอกสารนั่งพิมพ์นั่ง Research เปิดปิด หรือเป็นแบบการโยนไฟล์ หรือเป็นการจัดการไฟล์ ฉะนั้นก็ต้องลองพิจารณากันดูอีกทีนึง

ลองพิจารณารุ่น WiFi ดูก่อนก็ได้ค่ะอย่างเช่น IPad Pro เนี่ย 128 GB ราคามันเริ่มต้นที่ 27900 บาทใช่ป่ะในขณะที่ตัวเริ่มต้นของ Macbook Air โดย 256 GB ราคา 32,900 บาทนั่นเองดังนั้นการเลือกในแต่ละอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับที่ตัวท่านด้วยหรอว่ามีความเหมาะสมกับราคาแบบไหนหรือต้องการแบบไหนก็สามารถเลือกซื้อกันได้ตามความเหมาะสมเอาดูนะคะ

อัพเดทข่าวไอทีวันนี้

วันนี้เราจะพามาดูทางด้านของแอปเปิ้ลที่มีการเปิดตัวแบบสดๆร้อนๆไปหมาดๆไปกับแม็คบุ๊คโปรรุ่นใหม่ที่ตัวเครื่องนั้นมีความบางกว่าแม็คบุ๊คแอร์เสียอีกค่ะ ซึ่งหน้าจอของมันนั้นแสดงสีสันได้ดีกว่าเดิมแถมแบตเตอรี่ยังมีความอึดสามารถที่จะใช้งานได้นานกว่า 10 ชั่วโมง

โดยจุดขายใหม่ที่มีการเพิ่มเติมเข้ามานั้นก็น่าจะเป็นทัชบาร์ที่เป็นจอสัมผัสเป็นแบบโอแอลอีดีที่เป็นการอยู่ด้านบนสุดของแป้นพิมพ์จะเป็นการใช้งานที่เป็นการรองรับการสัมผัสจากโปรเจดเจอร์แบบต่างๆได้โดยสิ่งที่อยู่บนจอนั้นจะทำการเปลี่ยนแปลงไปตามซอฟแวร์ที่คุณนั้นกำลังใช้งานอยู่ 

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังใช้หรือเปิดโฟโต้มันจะกลายเป็นแถบเพื่อทำการเลื่อนดูภาพและเครื่องมือที่เป็นการตัดต่อเช่นการใส่ฟิวเตอร์หรือการย่อขนาดของภาพคะ เป็นอย่างไรบ้างคะคราวนี้ถือได้ว่าคุณสามารถที่จะทำงานสนุกขึ้นเยอะเลยแหละคะ

ในส่วนของทางที่อยู่ด้านขวาสุดจะเป็นทัชไอดีแสกนลายนิ้วมือที่จะมารวมกับปุ่มที่เป็นแบบเปิดปิดตัวเครื่องเลยคะ นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มชิพใหม่ที่เป็นทีวันที่เป็นการเสริมทางด้านของความปลอดภัยในการจ่ายเงินแอปเปิ้ลเพลในการแสกนนิ้วก็มานะจ๊ะ

ส่วนพอทต่างๆนั้นก็จะทำการเปลี่ยนใหม่เป็นทันเนอร์บรู 3 ที่เป็นการรองรับ USBถึง 4 พอต ซ฿งคุณสามารถที่จะใช้ช่องไหนเพื่อเป็นการเสียบชาทแบตก็ได้คะ ส่วนราคานั้นก็ต้องบอกว่าแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะเพราะรุ่นที่ไม่มีทัชบาร์เริ่มต้นที่ 56900 บาท ส่วนรุ่นที่ทัชบาร์นั้นเริ่มต้นที่ 67900 บาท ส่วนที่เป็นตัวท๊อปนั้นเลยแสนไปเลยจร้า 

มาต่อกันเรื่องของ ai กันบ้างดีกว่า ซึ่งเรื่องของ ai ในบางแขนงนั้นคุณควรที่จะรู้จักแบบคร่าวๆกันไว้บ้าง ใครๆก็พูดถึงเรื่องของ ai กันเพราะฉะนั้นเทรนของเทคโนโลยี aiวันนี้เราจึงอยากโชว์ให้ทุกคนนั้นรับรู้ว่าเทคโนโลยีตัวไหนบ้างที่มันน่าสนใจ

Machine learning platform อันนี้มันคืออะไร มันก็คือการที่เครื่องกลหรือคอมพิวเตอร์เรียนรู้ด้วยตัวมันเอง สมองคนหรือสมองลิงจริงๆก็เรียนรู้ด้วยตัวเองไม่ได้นะเราต้องป้อนๆๆอะไรเข้าไป โดยข้อมูลที่เราใส่หรือเรานั้นป้อนเข้าไปเนี่ยความสามารถพวกนี้หรือ ai เนี่ยจะเรียนรู้เรียนรู้เข้าไปเรื่อยๆแล้วค่อยกลับมาวิเคราะห์ข้อมูลหรือจากสภาพแวดล้อมก็ได้เพราะข้อมูลนี้ก็คือการใช้ในการสร้างแอพต่างๆ สมมุติว่าเรานั้นฟังแต่เพลงเดิมๆหรือเพลงแนวๆนี้มันก็จะจำและมันก็จะเข้าใจด้วยว่าเราชื่นชอบในเพลงแนวนี้นั่งเอง

กลุ่มคนที่ใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุด

ในสมัยนี้ถือได้ว่าคนส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ด้วยกันทั้งสิ้นแต่คุณจะรู้หรือไม่ว่าจะมีกลุ่มคนที่ใช้มากที่สุดเพราะในชีวิตประจำวันของพวกเขาต้องพบเจอแต่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืนดังนั้นหากคุณคิดว่าพวกคุณนั้นใช้คอมพิวเตอร์มากแล้วเรามาดูกันว่ากลุ่มคนไหนที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้มากกว่าพวกเราที่ใช้ตามกิจวัตรประจำวันนั้นเอง

สำหรับพนักงานทุกคนนั้นถือเรียกว่าเป็นการจับคอมพิวเตอร์มากเป็นพิเศษเพราะจะเห็นได้ว่าเริ่มทำงานก็ทำการจับคอมพิวเตอร์แล้วจนกระทั่งเลิกงานทำให้มองว่าตัวเองนั้นเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ที่นานกว่าคนอื่นเขาแต่รู้หรือไม่ว่ามีกลุ่มหรือบุคคลต่างๆที่ใช้มากกว่าพวกคุณอีกนะ

คอมพิวเตอร์เริ่มทีที่มีการนำมาใช้นั้นมักจะมาจากกลุ่มของพนักงานหรือพนักงานที่ทำประจำออฟฟิศแต่พอเข้ามาในยุคสมัยนี้หรือคอมพิวเตอร์มีการพัฒนามากขึ้นก็ได้นำเข้ามาให้อยู่ในระบบอื่นๆมากขึ้นดังนั้นใครก็ตามแต่ที่สามารถทำงานในรูปแบบอื่นๆก็เป็นการจับคอมพิวเตอร์ด้วยกันทั้งสิ้นแต่คุณจะไม่รู้เลยว่ากลุ่มคนประเภทไหนนั้นที่เขาจับคอมพิวเตอร์มากกว่าพวกคุณซึ่งวันนี้เราจะนำมาเสนอให้คุณได้รู้กันว่ากลุ่มประเทศไหนแน่ที่เป็นกลุ่มที่ใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุด

กลุ่มคนที่ใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุดมีดังนี้

สำหรับกลุ่มแรกนั่นก็คือเหล่าบรรดานักโปรแกรมเมอร์ทั้งหลายซึ่งพวกเขานั้นจะมีการเขียนหรือตัดแต่งคุณภาพของเกมและอื่นๆมากมายโดยพวกเขานั้นสามารถทำด้วยกันทั้งวันทั้งคืนส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้หยุดแค่นั้นเองทำให้เขาคือบรรดากลุ่มคนที่ใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุดจะเห็นได้ว่านักโปรแกรมเมอร์แต่ละคนนั้นส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีความสามารถต่างๆเกี่ยวกับการสร้างโปรแกรมทั้งหลายแหล่ไม่ว่าจะเป็นเกมหรืองานต่างๆ

ดังนั้นพวกเขามักจะมีการเกาะอยู่กับคอมพิวเตอร์หรือมีการอัพเดทความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาใช้งานคอมพิวเตอร์มากที่สุดแต่ต้องยอมรับนะว่าพวกเขาฉลาดจริงๆที่สามารถพัฒนาเกมต่างๆหรือโปรแกรมต่างๆให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันและเป็นการใช้งานได้ดีขึ้นแถมยังทันสมัยขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีกลุ่มพนักงานออฟฟิศอย่างเราที่ทำงานโดยที่จะต้องเกาะอยู่ติดกับคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาจะเห็นได้ว่าตื่นเช้ามาเดินทางมาทำงานพอนั่งโต๊ะที่ทำงานในออฟฟิศปุ๊บเราก็ไม่สามารถที่จะติดตัวไปไหนได้เลยจนกระทั่งเลิกงานดังนั้นควรที่ติดกับคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาเป็นอันดับ 2 ก็คือพวกเราพนักงานออฟฟิศนั่นเองแต่นอกจากนั้นก็ยังมีกลุ่มคนอื่นๆอีกมากมายด้วยกันนะแต่วันนี้เราไม่สามารถที่จะพูดหรือเล่าให้ฟังหมดเดี๋ยวคราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ

ในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดธุรกิจออนไลน์รุ่งเรืองตามไปด้วย

    ในสภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังซบเซาโดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นธุรกิจที่ได้รับการตอบรับและยังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ก็คือธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์และยิ่งในช่วงปัจจุบันนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจหลายอย่างในประเทศไทยค่อนข้างซบเซา

และหลายคนที่เป็นเจ้าของกิจการต้องปิดกิจการของตนเองลงไปรวมถึงตัดสินใจจบชีวิตเพื่อหนีปัญหาหนี้สินยังมีอีกหนึ่งธุรกิจที่สวนกระแสสร้างรายได้ให้กับเจ้าของธุรกิจเป็นกอบเป็นกำนั่นก็คือธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์เนื่องจากว่าธุรกิจดังกล่าวเราไม่จำเป็นต้องมีการกักตุนสินค้าเราทำแค่เพียงเป็นตัวกลางในการที่จะขายสินค้าโดยเมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้ามาเราก็สามารถไปรับสินค้าด้วยการสั่งผ่านทางเว็บไซต์ของ Alibaba หรือ Amazon เพื่อประสานงานให้ส่งถึงมือลูกค้าอีกต่อหนึ่ง

ดังนั้นเจ้าของธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์นี้จึงไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรเลยเพียงแค่เปิดหน้าร้านผ่านทาง facebook หรือผ่านทางเว็บไซต์แล้วรับออเดอร์มาจากลูกค้าหลังจากนั้นก็ประสานงานกับทางผู้ให้บริการในการขายเราก็สามารถได้กำไรมาจากการขายสินค้าออนไลน์ของเราแล้ว

ซึ่งการขายสินค้าออนไลน์นี้เป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้เป็นอย่างมากและยิ่งในขณะนี้ที่รัฐบาลต่างก็ต้องการให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการงดออกจากบ้านรวมถึงบริษัทร้านค้าต่างๆก็ให้ปิดกิจการเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสกรุณาดังนั้นการซื้อสินค้าต่างๆ

ทางผู้บริโภคจึงต้องหันมาใช้การสั่งสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์และนี่เองที่ทำให้เราเห็นได้ว่าธุรกิจออนไลน์นั้นกำลังรุ่งเรืองอย่างไรซึ่งปัจจุบัน  ห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่ทุกที่ได้มีการเปิดขายของออนไลน์เพื่อเพิ่มช่องทางให้กับลูกค้าที่ไม่อยากเดินทางออกนอกบ้านได้จับจ่ายซื้อสินค้าอย่างเช่น Top Supermarket    7-eleven    Watson หรือแม้แต่ร้านที่ขายพัสดุพันอย่างเช่นไทวัสดุก็ยังเปิดการขายสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์ยิ่งใหญ่

ตอนนี้ที่ทางรัฐบาลประกาศให้ทุกหน่วยงานปิดการขายของการขายสินค้าเพื่อสร้างกำไรให้กับบริษัทต่างๆเหล่านั้นจึงเป็นการเปิดเว็บไซต์ขายของออนไลน์เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปซื้อของและมีการนำของมาส่งให้ที่บ้านแทนซึ่งสร้างความสะดวกสบายให้กับประชาชนแถมยังสร้างรายได้ให้กับเจ้าของธุรกิจอีกด้วย 

     ในปัจจุบันนี้การขายสินค้าออนไลน์นอกจากบริษัทใหญ่ๆเปิดขายแล้วประชาชนทั่วไปก็สามารถนำสินค้าที่ตนเองมีอยู่ออกมาขายเป็นการชั่วคราวเพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองได้ด้วยอย่างเช่นเราจะเห็นได้ว่าบางคนนำเสื้อผ้ามือสองมาขายผ่านระบบออนไลน์ซึ่งจะสามารถขายได้ดังนั้นหากใครในช่วงนี้ที่อาจจะตกงานหรือต้องการหางานพิเศษทำธุรกิจการขายของออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งกิจการที่คุณค่าแต่การทดลองทำ

Windows 10 มีคนแห่ติดตั้งมากกว่า 1000 ล้านเครื่องแล้ว

จะเห็นได้ว่าผู้คนจำนวนมากมีความชื่นชอบและถือได้ว่ายังครองใจ สำหรับผู้คนมาโดยตลอดเพราะจะเห็นได้ว่าคนนิยมมากที่สุด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่าการใช้วินโดวส์นั้น ยังไม่สามารถที่จะมีระบบอื่นๆที่จะเข้ามาลบล้างระบบของ Windows ได้เลย

และทางบริษัทของ Microsoft ได้ออกมาประกาศเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าสำหรับปัจจุบันนี้ได้มีผู้ติดตั้งที่เกี่ยวกับการใช้งานของระบบการปฏิบัติงานของ Windows ที่เป็นเวอร์ชั่น 10 ตามอุปกรณ์ต่างๆ จนในปัจจุบันนี้ผู้ที่ใช้ Windows 10 นั้นในปัจจุบันเกินกว่า 1 พันล้านเครื่องแล้วทั่วโลก

ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวเลขที่กล่าวมานั้นเป็นการรวมระบบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเครื่อง PC Desktop PC แล็ปท็อป ,Xbox One และ Hololens (แว่นตาที่สามารถแสดงผลภาพโฮโลแกรมหรือภาพ 3 มิติ) โดยมีการระบุไว้ในปี 2015 ที่เป็นการคาดเดาจาก Microsoft นั่นเอง ซึ่งการระบุเหล่านี้มีการระบุว่าจะมีผู้คนใช้มากกว่า 1 ล้านคนภายใน 3 ปี แต่ถ้าว่าเวลาเรานี้ก็ล่วงเลยมาถึงปี 2020 ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทางด้านของ Microsoft นั้นได้มีการคาดเดาผิดพลาดช้ากว่ากำหนดถึงระดับ 2 ปีด้วยกัน

ด้วยสาเหตุเหล่านี้น่าจะเกิดจากการล้มเหลวของโปรเจคที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับ Windows Phone โดยมีการคาดว่าน่าจะนำมาลงในระบบของ iOS และระบบของ Android จึงก่อให้เกิดเรื่องของยอดที่ไม่ถึงเป้าหมายตามที่กำหนดนั่นเอง

มีการระบุเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ว่ามีกลุ่มผู้ทดสอบในระบบของ Windows Insider โดยมีจำนวนประมาณที่ค่อนข้างมากอยู่ในระดับที่น่าจะโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 17.8 ล้านคน ในขณะที่มีจำนวนคนที่ใช้ใน Windows 10 นั้น อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านเครื่องโดยการคำนวณนี้เกิดขึ้นจากจำนวนใช้ในการคาดเดาและสถิติเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วโดยการคาดเดานี้เกิดขึ้นจากการประกาศเกี่ยวกับการหยุดสนับสนุนสำหรับ Windows 7 ที่เป็นของ Microsoft ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นที่ชัดเจนและเท่ากับว่าสำหรับผู้ใช้ที่มีหลากหลายแบบนั้นยกตัวอย่างเช่นบรรดานักธุรกิจทั้งหลายโดยพวกเขาเหล่านี้ได้มีการอัปเดตระบบปฏิบัติการที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกเขานั่นก็คือจากเวอร์ชั่นเก่าที่เป็น Windows 7 และอัพเดทหันมาใช้ Windows 10 แทน ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นการกระตุ้นและขยายผู้ใช้มากขึ้นนั่นเท่ากับว่าทำให้ Microsoft ได้บรรลุเป้าหมายได้เร็วตามที่คาดไว้ไม่มีผิด

สำหรับYusuf Mehdi รองประธานฝ่าย Modern Life, Search and Devices ของไมโครซอฟท์ ได้มีการกล่าวไว้ว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เกิดจากผลของความแข็งแกร่งของ Windows 10 เพื่อเป็นการทำให้ส่งผลประกอบโดยการสร้างแรงส่งเหล่านี้ เป็นการทำให้เกิดการเติบโตเร็วขึ้นในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมานอกเหนือจากนั้นยังเป็นการช่วยผลักดันเกี่ยวกับระบบของ PC ให้เติบโตตามขึ้นไปด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงบอลออนไลน์2020

Facebook ส่งเสริมสร้างชุมชนให้เติบโต

Facebook ส่งเสริมสร้างชุมชนให้เติบโตด้วยโครงงาน Community Accelerator

ในวันนี้ Facebook ได้สานต่อทั้งยังการลงทุนแล้วก็ส่งเสริมชาวไทยที่ขับเคลื่อนให้มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการประกาศเปิดตัวแผนการ Community Accelerator โครงการที่มีระยะเวลา 6 เดือน ที่จัดฝึกอบรม ให้คำแนะนำแล้วก็มอบเงินทุน เพื่อให้การช่วยเหลือแก่ผู้นำชุมชนสำหรับในการจัดตั้ง สร้างการเติบโต แล้วก็รักษาชุมชนที่มีความสำคัญแล้วก็สร้างประโยชน์ในระยะยาว โดยโครงการดังที่กล่าวผ่านมาแล้วได้เปิดรับสมัครแล้ววันนี้

ผู้นำชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกจะใช้เวลา 3 เดือนสำหรับในการทำความเข้าใจจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ โค้ช และก็หลักสูตรที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับพวกเขาเพื่อสร้างแผนสำหรับในการขยายชุมชนให้เติบโตรวมทั้งบรรลุจุดประสงค์ตามที่กำหนดไว้

แล้วต่อจากนั้น ผู้นำชุมชนที่ได้รับการเลือกเฟ้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วจะใช้เวลาอีก 3 เดือนต่อมาสำหรับในการเปลี่ยนแปลงและก็ดำเนินการตามแผนที่วางไว้โดยผู้นำชุมชนที่เข้าร่วมโครงงาน Community Accelerator จะได้รับเงินลงทุน การช่วยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และก็ทีมงานเฉพาะที่จะคอยให้การช่วยเหลือพวกเขาตลอดโครงการ

ด้วยงบประมาณจำนวนสูงสุดถึง 93 ล้านบาท (หรือ 3 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา) จะถูกมอบให้กับผู้เข้าร่วมโครงการสูงสุดถึง 80 แผนการทั่วทั้งประเทศไทย อินโดนีเซีย ประเทศออสเตรเลีย แล้วก็ประเทศฟิลิปปินส์โดย Facebook สนับสนุนให้ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นกลุ่มชุมชนที่มีการรวมตัวกันอย่างเป็นรูปธรรมรวมทั้งปฏิบัติงานเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก มีความพร้อมที่จะขยายการเจริญเติบโตของชุมชนด้วยการใช้แอพพลิเคชั่นในเครือของ Facebook

มีเวลาและก็พลังความมุ่งมั่นที่จะทุ่มเทให้กับโครงงานนี้ ทั้งนี้ กลุ่มชุมชนหรือผู้นำที่สนใจเข้าร่วมสมัครที่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีเพจ กลุ่ม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์หนึ่งๆของ Facebook มาก่อน ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการด้วยเหมือนกัน

เกรซ แคลปแฮม หัวหน้าฝ่ายผู้ช่วยเหลือและก็โครงการเพื่อชุมชนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Facebook พูดว่า “ผู้นำชุมชนในประเทศไทยมักบอกกับเราอยู่หลายครั้งว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกเขาจำเป็นต้องเผชิญคือความขาดแคลนของการเข้าถึง การฝึกอบรม และก็เงินลงทุนพวกเรายินดีที่ได้สานต่อการลงทุนและก็การผลักดันให้กับพวกเขาผ่านโครงงาน Community Accelerator ในปีที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมโครงงาน Facebook Community Leadership Program ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้คนปริมาณกว่า 580,000 ชีวิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคผ่านกิจกรรมต่างๆในประเทศไทยคุณฉัตรชัย อภิบาลพูนผลจากชุมชน Run2gether ได้จัดงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งที่ชุมชนของพวกเขาเคยมี โดยมีนักวิ่งกว่า 2,000 คนเดินทางมาเข้าร่วมงานดังกล่าวข้างต้น นอกจากนี้ ชุมชน Run2gether ยังสามารถขยายการเจริญเติบโตของชุมชนไปยัง 4 จังหวัด ทำให้สามารถเข้าถึงนักวิ่งได้อีกกว่า 700 คน”

การประกาศเปิดตัวโครงการในวันนี้ยังเกิดขึ้นพร้อมด้วยการเปิดตัวเครื่องมือใหม่ของ Facebook เพื่อช่วยทำให้ผู้นำชุมชนสามารถขยายการเจริญเติบโตของกลุ่มแล้วก็จัดการการสนทนาของพวกเขาได้อย่างมีคุณภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  rb88